วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

Shanti Deva
ในปี 1930 ซานติ เทวี หญิงสาวอายุ 4 ขวบ จากนิวเดลี ประเทศอินเดีย ได้บอกพ่อแม่ของเธอว่า ชาติก่อนเธอเป็นแม่ลูกสาวที่ตายจากการคลอด โดยสามีของเธอคือเกฐานารถ ทั้งเธอและสามีอาศัยอยู่ในเมืองมัตทรา(หรือ Mathura) ตอนแรกพ่อแม่ของเธอนึกว่าเป็นบ้า จึงพาเธอไปพบกับแพทย์ และเมื่ออยู่ต่อหน้าแพทย์เธอก็เล่าเรื่องของเธออย่างละเอียดยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ลูกคนแรก วัยที่เธอตายในระหว่างเด็กอยู่ในท้องเมื่อ 1925 ซานติได้รับการตรวจสอบจากแพทย์ถึง 6 คนด้วยกัน แต่ไม่มีแทย์คนใดหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอได้เลย อย่างไรก็ดีญาติของซานติเริ่มตรวจสอบสิ่งที่เธอเล่าโดยตามหาชายที่ซาติอ้างว่าเป็นสามีของเธอ ก่อนจะพบว่ามีชายคนที่ว่าอยู่เมืองมัตทราจริง และเขามีลูกสองคนจริง แต่ชายดังกล่าวไม่กล้าไปพบกับชาติภรรยากลับชาติมาเกิดของเขา เขาเลยส่งญาติไปและเมื่อญาติไปถึงซาติก็จำเขาได้ทันทีและเล่ารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับญาติคนนี้ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการระลึกชาติมีอยู่จริง หากแต่กระนั้นครอบครัวของซานติ และครอบครัวของสามีชาติที่แล้วของซานติก็ไม่ได้เกี่ยวดองกัน หรือมีเรื่องกันแต่อย่างใด สุดท้ายซานติได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กหญิงธรรมดาในชาติใหม่ของเธอจนถึงปัจจุบัน
ที่มา http://teen.mthai.com/variety/74336.html

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

คางคกบ้าน Common toad

คางคกบ้าน (อังกฤษAsian common toad, Black-spined toadชื่อวิทยาศาสตร์Duttaphrynus melanostictus) หรือ ขี้คันคาก ในภาษาอีสานและภาษาลาว หรือที่นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า คางคก
เป็นสัตว์ในวงศ์คางคก (Bufonidae) ชนิดหนึ่ง จัดว่าเป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในวงศ์นี้ มีผิวหนังที่แห้งและมีปุ่มปมทั้งตัว ที่เป็นปุ่มพิษ โดยเฉพาะหลังลูกตา มีรูปทรงกลมคล้ายเมล็ดถั่วขนาดยาวประมาณ 25 มิลลิเมตร กว้าง 10 มิลลิเมตร แผ่นหูมีลักษณะเห็นได้ชัดเจน ขนาดเล็กกว่าลูกตาเล็กน้อย
มีสีผิวหนังเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทาตลอดทั้งลำตัว บริเวณรอบปุ่มพิษจะมีสีเข้มกว่าบริเวณอื่น ๆ ใต้ท้องเป็นสีน้ำตาลเหลืองอ่อน ในขณะที่ยังเป็นวัยอ่อนจะเป็นสีขาวซีดกว่า
มีขนาดวัดจากปลายปากจนถึงก้นประมาณ 68-105 มิลลิเมตร พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในวงกว้างในทวีปเอเชีย ตั้งแต่แนวเทือกเขาหิมาลัยอินเดียจีนตอนใต้, พม่า, ทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และพบได้ทั่วไปในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งในเมืองใหญ่และในป่าดิบ
เป็นสัตว์ที่ไม่อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำยกเว้นการผสมพันธุ์และวางไข่ จะมีฤดูผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงฤดูร้อนจนถึงปลายฤดูฝน (มีนาคม-กันยายน) เป็นสัตว์ที่กินแมลงและอาหารได้หลากหลายมาก พบชุกชุมในช่วงฤดูฝน [2] [3]
คางคก มักเป็นสัตว์ที่มีผู้นิยมรับมารับประทานทั้ง ๆ ที่มีพิษ มักมีผู้เสียชีวิตบ่อย ๆ จากการรับประทานเข้าไป โดยเชื่อว่าเป็นยาบำรุงและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ โดยพิษของคางคกนั้นไม่สามารถทำให้หายไปได้ด้วยความร้อน[4]
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

กิล่ามอนสเตอร์Gila monster
เป็นกิ้งก่ามีพิษชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Heloderma suspectum พบในเขตทะเลทรายอริโซน่าทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา กิล่ามอนสเตอร์มีความยาวถึงสองฟุต จัดเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศสหรัฐอเมริกา ลำตัวมีลายดำ ชมพู ส้ม และเหลือง อุปนิสัยเชื่องช้า มักหลบในโพรงเป็นส่วนใหญ่ ล่าสัตว์จำพวกหนู นก และไข่ต่าง ๆ เป็นอาหาร กิล่ามอนสเตอร์สามารถผลิตพิษที่มีผลต่อระบบประสาทของเหยื่อ โดยพิษจะส่งเข้าสู่เหยื่อผ่านทางฟันทางกรามล่าง แต่พิษนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์
กิล่ามอนสเตอร์เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีการคุ้มครองโดยกฎหมาย ทั้งในท้องถิ่นคือกฎหมายรัฐอริโซน่า และในระดับประเทศคือกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเม็กซิโก ส่วนในระดับนานาชาติกิล่ามอนสเตอร์เป็นสัตว์ในบัญชีหมายเลข ๒ ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES) โดยห้ามส่งออกหรือนำเข้าโดยปราศจากใบอนุญาต ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม[1]
สำหรับในประเทศไทยมีการจัดแสดงในสวนสัตว์ดุสิตในช่วงปลายปี พ.ศ. 2554 ถึงต้นปี พ.ศ. 2555[2]
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/

แบล็กแมมบ้า
แบล็กแมมบ้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Dendroaspis polylepis เป็นงูพิษที่อันตรายมาก ถูกค้นพบในปี 1864
ถือเป็นงูพืษที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากงูจงอาง ปกติจะมีความยาวอยู่ ที่ 2.5-3.2 เมตร(หรือยาวเท่าจักรยานสองคันต่อกัน)
แต่ถ้าคุณไปเจอตัวใหญ่จริงๆ อาจยาวถึง 4.5 เมตร(ซึ่งงูยาวขนาดนั้นก็ชูหัวขึ้นมากัดคอคนได้เลย)


พิษของแบล็กแมมบ้า เป็นพิษที่ทำลายส่วนสมองของเป้าหมาย (นิวโรท็อกซิน) ทำให้เกิดอารการควบคุมกล้ามเนึ้อไม่ได้
นอกจากนั้นยังมีฮีโมท็อกซินที่ทำให้เลือดใหลไม่หยุดอีกด้วย(หากวิเคราห์ดูโดยละเอียด การกัดของแบล็กแมมบ้า จะให้สารพิษร่วม 72 ชนิด)

พิษนี้จะสังหารมนุษย์ผู้ใหญ่ได้ใน 20 นาที และเป็นหนึ่งในงูพิษที่ฉกได้เร็วที่สุดในโลก
แบล็่กแมมบ้าเลึ้อยด้วยความเร็ว 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เป็นปกติร่างกาย และสำหรับในกรณีที่คุณไปเจอ
ตัวที่เร็วจริงๆ อาจเร็วถึง 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งต้องนับว่าเร็วกว่ามนุษย์ส่วนมากบนโลกนี้
(เลึ้อยได้มากกว่าหกเมตร หรือหนึ่งคันรถเมล์ยาวในวินาทีเดียว!) เคยมีรายงานการถูกรุมจากสุนัข 7 ตัว
แต่กลับถูกแบล็กแมมบ้าสังหารจนหมด! โดยที่งูพันธ์นี้ได้รับการบาดเจ็บเพียงเล้กน้อย!
หากคุณถูกแบล็กแมมบ้ากัน และไม่มียารักษา ระวังซึ้อโลงไม่ทันละกัน เพราะว่า
พิษของแบล็กแมมบ้ารุนแรงกว่าจงอางห้าเท่า และในกรณีที่ได้รับการรักษาไม่ทัน โอกาสตายคือ 100 % ที่เดียว
เพราะว่าเวลากัด มันอาจปล่อยพิษมากถึง 400 มิลลิกรัม ทั้งๆที่แค่ 40 มิลลิกรัม ก็ฆ่ามนุษย์ได้แล้ว
ที่มา https://pantip.com/topic/32584870

งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ 
(อังกฤษFaint-banded sea snake, Belcher's sea snakeชื่อวิทยาศาสตร์Hydrophis belcheri) เป็นงูชนิดหนึ่ง จำพวกงูทะเล ในวงศ์งูพิษเขี้ยวหน้า (Elapidae)
งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ มีความยาวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 0.5-1 เมตร (ประมาณ 20-40 นิ้ว) ความยาวของผู้ใหญ่ มีลำปล้องสีเข้มตัดสลับกันไปทั้งตลอดลำตัว
งูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์กระจายพันธุ์ทั่วในมหาสมุทรอินเดีย, ทะเลฟิลิปปิน, อ่าวไทย, นิวกินี จนถึงตอนเหนือของออสเตรเลีย โดยถือว่าเป็นงูพิษที่มีพิษร้ายแรงมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีพิษรุนแรงกว่างูไทปันโพ้นทะเล (Oxyuranus microlepidotus) ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกันถึง 100 เท่า โดยมีการประมาณกันว่า พิษเพียงน้อยนิดของงูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์สามารถฆ่ามนุษย์ได้มากกว่า 1,000 ราย แต่โอกาสที่มีผู้ถูกกัดนั้นน้อยมาก เพราะตามธรรมชาติแล้วงูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์มีนิสัยขี้อาย หาตัวยาก และปล่อยพิษในปริมาณที่น้อย มีเพียงชาวประมงโชคร้ายบางรายเท่านั้นที่โดนงูแสมรังเกล็ดเบลเชอร์ที่ติดอวนขึ้นมากัดเข้า และถ้าโชคร้ายหากถูกปล่อยพิษออกมา โอกาสรอดชีวิตนั้นมีน้อยมาก ผู้ที่โดนกัดจะมีอาการทางระบบกล้ามเนื้อเริ่มจากปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอัมพาตและมักเสียชีวิตจากอาการไตวาย[2]
ที่มา http://www.wikiwand.com/th/
งูเขียวหางไหม้ [Green pit viper]
เป็นงูบกที่มีพิษน้อยที่สุดในบรรดางูพิษ พบได้ทั่วประเทศ หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม หางสั้นมีสีแดง ลำตัวเขียว อาศัยเกาะตามกิ่งไม้ใต้ถุนบ้าน พิษของมันจัดเป็น hemotoxin ชอบหากินกลางคืน
ที่มา http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-05.php
งูแมวเซา [Russel'Viper]
พบชุกชุมในภาคกลาง ลักษณะตัวอ้วน หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก สีน้ำตาลลำตัวมีลายเป็นรูปวงแหวน หรือรูปไข่อยู่ด้านข้างตลอดลำตัว เวลาโกรธจะขดตัวเป็นก้อนส่งเสียงขู่เหมือนเสียงแมวกรนแล้วพุ่งเข้าฉกกัดอย่างรวดเร็ว พิษที่สำคัญของมันเป็น hemotoxin ทำให้มีเลือดออกซึ่งอาจเกิดจากเม็ดเลือดแดงแตก หรือเลือดไหลออกจากร่างกาย และยังเกิด ภาวะ DIC [disseminated intravascular coagulation] โดยมีการลดลงของ เกร็ดเลือด,fibrinogen เมื่อเจาะเลือดพบว่าเลือดแข็งตัวไม่ดี
ทีมา http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-05.php
งูกะปะ [Malayan pit viper]
งูชนิดนี้พบได้ทั่วประเทศ ลักษณะหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ลำตัวอ้วน หางเรียวสั้น มีลายเป็นรูปเหมือนหลังคาบ้านอยู่ด้านข้างตลอดลำตัว ชอบออกหากินเวลาเย็นและกลางคืน ชอบอาศัยในดินปนทรายตามสวน ไร่เหมืองแร่ เมื่อกัดคนแล้วมักไม่เลื้อยไปไหนจนกระทั่งมีคนมาทุบตีมัน พิษงูกะปะจัดเป็นพวก hemotoxin ทำให้เกิดอาการแสดงคล้ายงูแมวเซาแต่รุนแรงน้อยกว่า
ที่มา http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-05.php
งูจงอาง king cobra
พิษของงูจงอางเป็น Neurotoxin เป็นงูพิษที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปกติอาศัยอยู่ในป่าลึกทั่วประเทศ ตัวคล้ายงูเห่าแต่ขนาดใหญ่กว่ายาวถึง 16-18ฟุต เวลาโกรธมันจะชูส่วนหัวและลำตัวขึ้นสูงแผ่แม่เบี้ยแลเห็นดอกจันทน์ และฉกกัดอย่างรวดเร็ว พิษของมันไม่รุนแรงเท่าพิษงูเห่า แต่เนื่องจากคนที่ถูกกัดมักจะได้รับพิษจำนวนมากถึง 10 เท่าของงูเห่า ดังนั้นคนเหล่านี้จะถึงแก่ความตายอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที ผู้ป่วยที่ถูกงูกัดจะมีอาการเหมือนงูเห่ากัด แต่รุนแรงและรวดเร็วกว่างูเห่า ดูการรักษาเหมือนการรักษางูเห่ากัด
ที่มา http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-05.php
งูเห่าหม้อ cobra
งูเห่าพบมากในภาคกลาง บริเวณกรุงเทพ สมุทรปราการ อยุธยา อ่างทอง ลพบุรี มักอยู่ตามป่าและท้องนา ดังนั้นคนที่ถูกกัดบ่อยคือชาวนา ลักษณะที่สำคัญของมันคือ เมื่อโกรธมันจะแผ่แม่เบี้ย ชูคอสูงและฉกกัดอย่างรวดเร็ว ยกเว้น เมื่อตกใจมันจะฉกกัดทันที โดยไม่แผ่แม่เบี้ย ตำแหน่งที่ถูกกัดมักเป็นที่มือและเท้าพิษของงูเป็น Neurotoxin
ที่มา http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-05.php
มังกรโคโมโด (Komodo Dragon)
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า วารานัส โคโมโดเอนซิส (Varavus Komodoensis) หมายถึง ตะกวดแห่งโคโมโด 
เป็นสัตว์เลื้อยคลานในอันดับกิ้งก่าชนิดหนึ่ง มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะโคโมโด, รินคา, ฟลอเรส และกิลีโมตาง ในอินโดนีเซีย อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกับตัวเงินตัวทอง (Varanidae) จัดเป็นตัวเงินตัวทองชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบันนี้ ตัวโตเต็มวัยมีขนาดความยาวโดยเฉลี่ย 2-3 เมตรและมีน้ำหนักประมาณ 90 กิโลกรัม มังกรโคโมโด มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตัวเงินตัวทองชนิดอื่นทั่วไป แต่มีลำตัวใหญ่และยาวกว่ามาก มีลำตัวสีเทาออกดำกว่า
มังกรโคโมโดเป็นสัตว์ไม่มีพิษแต่ก็เสมือนว่ามีพิษ เนื่องจากในน้ำลายของมันมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มากกว่าถึง 50 ชนิด เหยื่อที่ถูกกัดจะเกิดอาการโลหิตเป็นพิษ และจะถึงแก่ความตายในเวลาไม่เกิน 3 วัน ซึ่งบางครั้งเมื่อเหยื่อที่มังกรโคโมโดกัดและทิ้งน้ำลายไว้ในแผล หลบหนีไป มังกรโคโมโดจะติดตามไปเพื่อรอให้เหยื่อตายก่อนจะลงมือกินอีกด้วย เหยื่อของมังกรโคโมโดตามธรรมชาตินั้น มักเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เช่น กวาง หรือวัวควายของชาวบ้าน
ที่มา http://www.clipmass.com/story/73330

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

ตะขาบยักษ์อเมซอน (Amazonian Giant Centipede)
ตะขาบยักษ์อเมซอน เป็นตะขาบชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โตเต็มที่ยาวประมาณ 26-30 เซนติเมตร มันเป็นอีกหนึ่งนักล่าที่มีนิสัยดุร้ายในป่าอะเมซอน เป็นสัตว์กินเนื้อที่สามารถกินทุกอย่างที่มันล่าได้ เช่น จิ้งจก กิ้งก่า กบ นก หนู งูขนาดเล็กหรือแม้กระทั่งค้างคาว ถ้าใครได้รับการกัดจากตะขาบยักษ์อเมซอน พิษของมันสามารถทำให้เกิดอาการปวด หนาวสั่น มีไข้จนทำให้เกิดความอ่อนแอทางร่างกายได้
ที่มาhttp://lokmedee.blogspot.com/2015/11/15.html
มวนเพชรฆาต (Assassin Bug)
มวนเพชรฌฆาต มีนิสัยดุร้าย โดยพวกมันดูดกินของเหลวภายในตัวเหยื่อเป็นอาหาร พวกมันสามารถกินอาหารได้หลายชนิด เช่น หนอนผีเสื้อกลางวัน หนอนผีเสื้อกลางคืนและตั๊กแตน มันจะยื่นจะงอยปากออกแทงเหยื่อและปล่อยพิษใส่ เหยื่อจะตายและหลังจากนั้นจะดูดเหยื่อกินจนของเหลวในตัวแห้งและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ  มวนเพชรฌฆาตเพียง 1 ตัวสามารถฆ่าหนอนได้มากกว่าวันละ 5 ตัว เป็นแมลงที่มีอันตรายต่อมนุษย์ มันจะโจมตีโดยการใช้ปากเจาะเพื่อดูดเลือดแล้วปล่อยเชื้อ ชากาส (Chagas disease) ใส่ มีผู้เสียชีวิตด้วยเชื้อซากาสจำนวนมาก
ที่มาhttp://lokmedee.blogspot.com/2015/11/15.html
มดกระสุน (Bullet Ant)
 มดกระสุน เป็นหนึ่งในสัตว์ที่อันตรายที่สุดในป่าอะเมซอน เป็นมดที่ต่อยเจ็บที่สุดในโลกเนื่องจากมันมีเหล็กใน ตัวของมันมีขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาดยาวน้อยกว่า 1 นิ้ว ทำไมมันถึงเป็นสัตว์ที่อันตราย คำตอบคือการต่อยของมันมีความเจ็บปวดมากเหมือนกับถูกกระสุนปืนยิง นอกจากนี้มันยังสามารถพ่นพิษออกมาได้ แม้ว่าจะไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้เกิดอัมพาตชั่วคราวในบริเวณที่ถูกกัดได้
ที่มาhttp://lokmedee.blogspot.com/2015/11/15.html
งูหางกระดิ่ง (Pit Vipers)
 งูหางกระดิ่ง เป็นงูพิษที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดถึง 155 ชนิดและพบกระจายพันธุ์ได้กว้างขวางที่สุดในหลายพื้นที่ของโลก ตั้งแต่ยุโรปจนถึงทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือจนถึงอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในหลากหลายภูมิประเทศ ตั้งแต่ทะเลทรายที่ร้อนและแห้งแล้ง ไปจนถึงที่ราบสูงหรือที่ราบต่ำในป่าดิบหรือบนภูเขาสูงที่ชุ่มชื้น ในป่าอเมซอนเราจะพบมันได้หลายชนิด ยาวประมาณ 0.3-3.7 เมตร ส่วนใหญ่ที่พบเป็นตัวสีเขียวอ่อน อาศัยอยู่บนต้นไม้ หากินในเวลากลางคืน โดยใช้แอ่งรับรู้คลื่นอินฟราเรดตรงระหว่างตากับจมูกจับความร้อนที่ออกจากร่างกายของเหยื่อ ซึ่งได้แก่ นกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
ที่มาhttp://lokmedee.blogspot.com/2015/11/15.html